ประวัติศาสตร์โลก
ประวัติศาสตร์โลกหรือประวัติศาสตร์มนุษยชาติเริ่มต้นที่ยุคหินเก่า
ประวัติศาสตร์โลกไม่รวมประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่ไม่ใช่มนุษย์และประวัติศาสตร์ธรณีวิทยา
ยกเว้นตราบเท่าที่โลกธรรมชาตินั้นกระทบต่อชีวิตมนุษย์เป็นอย่างมาก
ประวัติศาสตร์โลกประกอบด้วยการศึกษาทางโบราณคดีและหลักฐานลายลักษณ์อักษรตั้งแต่สมัยโบราณ
ประวัติศาสตร์โบราณที่มีบันทึกเริ่มต้นจากการประดิษฐ์การเขียน ทว่า
รากเหง้าแห่งอารยธรรมมีมาแต่ก่อนการประดิษฐ์การเขียน สมัยก่อนประวัติศาสตร์เริ่มต้นในยุคหินเก่า
ต่อด้วยยุคหินใหม่และการปฏิวัติเกษตรกรรม (ระหว่าง 8000 ถึง 5000 ปีก่อนคริสตกาล)
ในวงพระจันทร์เสี้ยวไพบูลย์ (Fertile Crescent) การปฏิวัติเกษตรกรรมเป็นเครื่องหมายการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์มนุษย์
โดยมนุษย์เริ่มต้นทำการเกษตร คือ กสิกรรมและการเลี้ยงสัตว์อย่างเป็นระบบ
เมื่อเกษตรกรรมก้าวหน้าขึ้น
มนุษย์ส่วนมากเปลี่ยนจากวิถีชีวิตเร่ร่อนมาเป็นตั้งถิ่นฐานเป็นเกษตรกรในนิคมถาวร
การเร่ร่อนยังมีอยู่ในบางที่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลซึ่งมีพืชที่เพาะปลูกได้ไม่กี่ชนิดแต่ความมั่นคงสัมพัทธ์และผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นจากกสิกรรมทำให้ชุมชนมนุษย์ขยายเป็นหน่วยที่ใหญ่กว่า
ซึ่งความก้าวหน้าในการขนส่งก็มีส่วนช่วยง

การปฏิวัติเกษตรกรรมเริ่มขึ้นครั้งแรกในราวๆ
10,000 ปีก่อนคริสตกาล การทำเกษตรกรรมเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดระบบการจัดการ
และสร้างอาหารส่วนเกิน (surplus) จากการบริโภคทำให้เกิดการค้าขายได้
การเกษตรสร้างระบบเมืองในยุคแรก ทำให้เกิดการค้าขาย การผลิต และอำนาจทางการเมือง
สำหรับผู้ไม่ได้ผลิตในภาคการเกษตร
อักษรคูนิฟอร์มซึ่งเป็นระบบการเขียนแรกสุดการพัฒนาระบบเมืองยังทำให้เกิดการพัฒนาทางด้านภาษา
และความรุ่งเรืองของอารยธรรมตามมา ดังจะเห็นได้จากในช่วง 40,000 ปีก่อนคริสตกาลก่อนจะมีเมืองเกิดขึ้น
มีหลักฐานการสร้างที่อยู่อาศัยที่มนุษย์สร้างขึ้นในตอนเหนือของแคว้นปัญจาบ
และเอเชียกลาง (Bactria) ในช่วง 7,000
ปีก่อนคริสตกาล มีหลักฐานว่ามนุษย์เริ่มปลูกข้าวบาร์เลย์ และเลี้ยงแกะกับแพะ
ในบริเวณดังกล่าว ในช่วงนั้น
คนเริ่มอาศัยอยู่ในหมู่บ้านซึ่งสร้างโดยอิฐและดินเหนียว
ซึ่งบางส่วนยังคงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน
แหล่งอารยธรรมแรกเป็นแหล่งอารยธรรมเมโสโปเตเมียตอนล่างของชาวสุเมเรียน ในช่วง 3500
ปีก่อนคริสตกาล ตามมาด้วยอารยธรรมอียิปต์ บริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์ ในช่วง 3300
ปีก่อนคริสตกาลและอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ
ในช่วงเดียวกันระบบเมืองเริ่มซับซ้อนมากขึ้นจากระบบทางสังคมและเศรษฐกิจ
แต่ละอารยธรรมมีความแตกต่างจากอารยธรรมอื่นเนื่องจากอารยธรรมต่างๆ
ยังไม่สัมพันธ์กัน เริ่มมีระบบการเขียน และการค้าขาย
ยุค 5000 ปีก่อน เป็นเริ่มที่มนุษย์รู้จักการเพราะปลูก
โดยเริ่มจากข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์
และมนุษย์ยุคนี้จะเริ่มอยู่รวมกันเป็นหมู่บ้านหรือนิคม
บางแห่งถ้าใหญ่หน่อยจะเริ่มจัดตั้งเป็นเมือง มีหัวหน้าเผ่าหรือเจ้าครองแคว้นเป็นผู้นำจะเห็นได้ว่า
ระยะเวลาที่มนุษย์วิวัฒนาการนั้นกินระยะเวลายาวนานไม่ใช่เล่น จากลิงขนดกร่างใหญ่
พัฒนาร่ากาย ความคิด มันสมองมาเรื่อยๆ จนเริ่มอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม
และรู้จักการใช้สอยสิ่งและพัฒนาต่างๆ รอบตัวได้ในที่สุด ระยะเวลาของกระบวนการวิวัฒนาการทั้งหมดนี้กินเวลาถึง
70 ล้านปีซึ่งการศึกษาประวัติศาสตร์ต่างๆ
ในเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สนุกและได้ความรู้มากครับ
ทำให้เห็นถึงความน่าทึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์จากยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบันเลยทีเดียว
กว่าจะมาเป็นมนุษย์ได้ มิใช่ง่ายๆ Homonids
ต้องผ่านวิวัฒนาการ อพยพย้ายถิ่นฐานมาหลายครั้ง
ใช้ระยะเวลาวิวัฒนาการที่ค่อนข้างยาวนาน 1-2 ล้านปี
นักชีววิทยาจัดให้ Homonids ในช่วงแรกอยู่ใน species ที่เรียกว่า homo erectus ด้วยเกิดการเปลี่ยนแปลงหลักๆ
คือ การเปลี่ยนรูปร่างลักษณะจากความเป็นลิงมาเดินสองขา หลังค่อยๆ ตั้งตรงขึ้นๆ
แขนสั้นขึ้นขายาวขึ้น ส่วนวิวัฒนาการในช่วงหลังที่เปลี่ยนมาเป็น homo
sapiens นั้นจะเป็นไปในทางที่พัฒนาสมองและความสามารถต่างๆ เพิ่มขึ้น
โดยมีสัดส่วนของสมองใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว มีไหวพริบรู้จักแก้ไขปัญหา (intelligence)
มีการเปลี่ยนแปลงใกล้ความเป็นคนขึ้น ในช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย
ที่เรายังไม่สามารถศึกษาได้ชัดเจนนัก
เท่าที่ผ่านมานักมานุษยวิทยาได้ศึกษาจากลักษณะโครงกระดูก
กะโหลกที่ขุดพบเป็นหลักและใช้รังสีประเมินอายุ แต่ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าขึ้น
เราสามารถศึกษาได้จากรหัส DNA เทียบกับมนุษย์ปัจจุบัน
ทำให้ความเร้นลับต่างๆ เผยออกมาได้อีกมาก