การกำเนิดมนุษย์
มนุษย์ ( Homo
sapiens )ถือกำเนิดบนโลก มากว่า ๒๐๐,๐๐๐ ปี
แต่ มนุษย์ เกือบสูญพันธุ์เมื่อ ๗๐ ,๐๐๐ ปีที่แล้ว
เนื่องจากเกิด?ระเบิดของภูเขาไฟขนาดยักษ์ ( Super
Volcano ) ชื่อ Toba ที่สุมาตราเหนือ
อินโดนีเซีย?ทำให้เกิดฝุ่นปกคลุมทั่วโลก
และเกิดยุคน้ำแข็งนานกว่า ๗ปี ทำให้มนุษย์ล้มตาย เหลือเพียงกลุ่มเล็กๆ เพียงประมาณ
๒,๐๐๐ คน ที่แอฟริกา ในภาพ ผลจากการระเบิดทำให้เกิด?ทะเลสาป Toba?ความยาว ๑๐๐ ก.ม. กว้าง ๓๐ ก.ม. ลึก
๕๐๐ เมตร
ส่วนประกอบของพันธุกรรมของประชากรที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน โดยการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเกิดขึ้นเพียงบางส่วนหรือทั้งหมดอันเป็นผล
มาจากปฏิกิริยาที่สิ่งมีชีวิตมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม กระบวนการนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่มีการย้อนกลับเป็นอย่างเดิมอีก”
จากหลักฐานซากดึกดำบรรพ์
นักบรรพชีวินได้คาดคะเนลำดับขั้นตอนการสืบสายวิวัฒนาการของมนุษย์ได้ ดังนี้
ออร์เดอร์ ไพรเมต (Primate)ป็นออร์เดอร์หนึ่งในจำนวนทั้งหมด ๑๗
ออร์เดอร์ในคลาสแมมมาเลียการจำแนกสัตว์อยู่ในออร์เดอร์นี้ขึ้นอยู่กับลักษณะหลายๆลักษณะมารวมกันซึ่งเป็นลักษณะที่เป็นผลมาจากวิวัฒนาการของสัตว์พวกนี้ในการอาศัยอยู่บนต้นไม้
ทำให้มีลักษณะมือขาและการใช้ประสาทรับความรู้สึกต่างๆให้เข้ากับการดำรงชีวิตในสิ่งเเวดล้อมดังกล่าวแต่มีวิวัฒนาการของบางลักษณะที่เป็นผลจากวิวัฒนาการในช่วงหลังๆที่เป็นไปเพื่อการดำรงชีวิตอยู่บนพื้นดิน ลักษณะของออร์เดอร์ไพรเมต คือมีนิ้ว ๕ นิ้ว
ปลายนิ้วมีเล็บแบน นิ้วยาว นิ้วหัวแม่มือพับขวางกับนิ้วอื่นได้ดี สมองใหญ่
จมูกสั้นตาชิดกัน(ทำให้สามารถมองภาพจากสองตามาซ้อนกันเกิดเป็นภาพสามมิติซึ่งดีต่อการดำรงชีวิตอยู่บนต้นไม้)ขากรรไกรห้อยต่ำในออร์เดอร์ไพรเมตมีสมาชิกทั้งหมด
๑๘๐ สปีชีส์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลก ได้เเก่ มนุษย์ ลิงลม ลิงทาเซียร์ ลิงแสม
ลิงมาโมเซต กอริลลา ชิมแพนซี และอุรังอุตัง
ลักษณะสำคัญของแฟมิลีโฮมินิดี(Hominidae) คือมีเขี้ยวเล็กและอยู่ในระดับเดียวกับฟันอื่นๆ
เดิน ๒ ขา เนื่องจากเปลี่ยนวิถีชีวิตจากบนต้นไม้มาสู่พื้นดิน แต่ก่อนเคยคิดว่าประกอบด้วย
จีนัสคือรามาเทคัส มนุษย์วานร มีรูปร่างค่อนข้างเล็ก สูงประมาณ๑ - ๑.๕เมตร และหนักประมาณ ๖๘กิโลกรัม
มีโครงกระดูกที่แข็งแรง และรูปแบบของฟันคล้ายมนุษย์ในปัจจุบัน บริเวณลำคัว
อาจไม่มีขน ขณะวิ่งลำตัวจะตั้งตรง อยู่กันเป็นกลุ่ม๒๐ -๓๐ คน
สามารถใช้หินหรือ เครื่องมือง่ายๆ เช่น กระดูกสัตว์ สำหรับล่าสัตว์ชนิดต่างๆ
เป็นอาหารได้ นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ขุดพบซากดึกดำบรรพ์ของมนุษย์
พวกนี้ที่บริเวณตอนใต้และตะวันออกของทวีปแอฟริกา จึงให้ชื่อว่า Australpithecus
africanus ต่อมาจึงพบมนุษย์วานรพวกนี้อีก มีรูปร่างและขนาดใหญ่กว่า A.africanus
จึงเรียกว่า A.robustus มนุษย์วานรชนิดนี้มีขากรรไกรขนาดใหญ่เทอะทะแสดงให้เห็นว่ากินพืชเป็นอาหาร
จนกระทั่ง ค.ศ.๑๙๔๗ Donald Joanson ก็ได้ค้นพบมนุษย์วานรพวกนี้อีกชนิดหนึ่งบริเวณทางทิศเหนือของประเทศเอธิโอเปีย
มีชื่อเรียกว่า A.afarensis ซึ่งถือว่ามี
ความใกล้ชิดกับบรรพบุรุษของมนุษย์ในปัจจุบันมาก Genus Homo เป็นไพรเมตที่สามารถประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อนำมาใช้ในการดำรงชีวิตได้แล้วถือว่าเป็นกลุ่มที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุด
ได้แก่ มนุษย์ในปัจจุบัน ซึ่งมีสายวิวัฒนาการมาจากวานร แล้วเปลี่ยนแปลงมาเป็นลำดับ
จะเห็นได้ว่าวิวัฒนาการของมนุษย์นั้นไม่หยุดนิ่ง
มนุษย์รู้จักใช้เหตุผลเพื่อปรับปรุงการดำรงชีพให้เหมาะสม
สามารถสร้างเครื่องมือนานาชนิดในการดำรงชีพมนุษย์รู้จักคิดและใช้ปัญหาในการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์โดยอาศัยปัญหาในอดีตเป็นแนวทางเพื่ออนาคตรู้จักริเริ่มการมีภาษาพูด ขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนาและจริยธรรมเมื่อรวมกลุ่มเป็นสังคมก็มีวัฒนธรรมแตกต่างกันไป
ตามแต่ละท้องถิ่นสืบทอด หลายชั่วอายุตลอดมา
มีความสามารถในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
สำหรับมนุษย์ในปัจจุบันนั้น
นักวิทยาพบว่า มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากมนุษย์ในอดีตอยู่หลายประการ คือ
๑.ยืนตัวตรง
เคลื่อนที่ด้วยขา ๒ ขา ช่วงขายาวกว่าช่วงแขน
๒.หัวแม่มือสั้นและงอ
พับเข้ามาที่อุ้งมือได้ สามารถงอนิ้วทั้ง ๔ ได้ จึงใช้จับ ดึง ขว้าง ทุบ ฉีก แกะ
และ
ทำกิจกรรมต่างๆได้
รวมทั้งการออกแบประดิษฐ์เครื่องมือ เครื่องใช้ได้
๓.กระดูกคอต่อจากใต้ฐานหัวกะโหลก
กระดูกสันหลังโค้งเล็กน้อย เป็นรูปตัวเอสและสมองมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับร่างกาย
หน้าสั้นแบน หน้าผากค่อนข้างตั้งตรงขากรรไกรสั้น
๔.กระดูกสะโพกกว้าง
ใหญ่และแบนให้กล้ามเนื้อเกาะเพื่อให้ลำตัวตั้งตรงเท้าแบนร่างกายไม่ค่อยมีขนแนวฟันโค้งเกือบเป็นรูปครึ่งวงกลม
การศึกษาค้นคว้าเปรียบเทียบซากดึกดำบรรพ์ของมนุษย์ในอดีต นอกจากทำให้นักมนุษย์วิทยาทราบความเป็นมา
ของบรรพบุรุษมนุษย์ในอดีตแล้ว
ยังทำให้สามารถอธิบายถึงความเป็นอยู่ และการดำลงชีวิตของมนุษย์ในแต่ละยุดได้อีกด้วย คือ
๑. การอยู่เยี่ยงเดรัจฉาน ( savagery ) เป็นยุดที่มนุษย์เพศชายยังทำหน้าที่ล่าสัตว์และแสวงหา
พืช ผัก ผลไม้เป็นอาหารตามธรรมชาติ แบ่งออกเป็น ๓ ระยะ
๑.๑ ระยะก่อนรู้จักใช้ไฟและภาษา ตรงกับยุดหินเช่นเก่า ( Eolithic )
พบในมนุษย์พวก Homo
habilis
๑.๒ ระยะรู้จักใช้ไฟและภาษา ตรงกับเก่าเช่นกัน มนุษย์พวกนี้รู้จักใช้ถํ้าเป็นที่อยู่ อาศัย
ได้แก่ พวกมนุษย์ Homo
erectus ซึ่งก็คือ
มนุษย์ชวาและมนุษย์ปักกิ่ง นั้นเอง
๑.๓ ระยะรู้จักประดิษฐ์ธนูและลูกศร ตรงกับยุดหินกลาง
มนุษย์พวกนี้รู้จักการใช้หนังสัตว์เป็นเครื่องนุ่งห่มได้แก่ มนุษย์Homo
sapiens
๒.การอยู่อย่างป่าเถื่อน(Babarism)เป็นบยุคที่มนุษย์รู้จักการใช้โลหะทำเครื่องมือ
ทำการเกษตรกรรม ทอผ้า สังคมในยุคนี้มีระบบทาส เพศชายมีภรรยาได้หลายคน
และทำหน้าที่ปกครองส่วนเพศหญิงทำหน้าที่เป็นแม่บ้านแบ่งเป็น ๓ ระยะคือ
๒.๑
ระยะแรกประมาณ ๑๒๐๐๐ ปีมาแล้ว
ยุคนี้มนุษย์รู้จักการปลูกบ้านสร้างเรือนเพื่ออยู่อาศัย
รู้จักใช้ขวานมีด้ามและใช้เครื่องปั้นดินเผา
๒.๒
ระยะกลางประมาณ ๑๐๐๐๐
ปีมาแล้วมนุษย์ยุคนี้รู้จักการเลี้ยงสัตว์การเกษตรกรรมรู้จักใช้สัตว์ช่วยในการไถนาหรือบรรทุกสิ่งของ
๒.๓
ระยะหลังประมาณ ๗๐๐๐ ปีมาแล้ว มนุษย์รู้จักใช้โลหะทำอาวุธหรือเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
๓.การอยู่อย่างมีอารยธรรม(Civilization)เป็นยุคที่มนุษย์รู้จักการประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรง
มีการใช้ตัวอักษรในการสื่อความหมาย สังคมเปลี่ยนจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น