วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติศาสตร์โลก

ประวัติศาสตร์โลก
ประวัติศาสตร์โลกหรือประวัติศาสตร์มนุษยชาติเริ่มต้นที่ยุคหินเก่า ประวัติศาสตร์โลกไม่รวมประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่ไม่ใช่มนุษย์และประวัติศาสตร์ธรณีวิทยา ยกเว้นตราบเท่าที่โลกธรรมชาตินั้นกระทบต่อชีวิตมนุษย์เป็นอย่างมาก ประวัติศาสตร์โลกประกอบด้วยการศึกษาทางโบราณคดีและหลักฐานลายลักษณ์อักษรตั้งแต่สมัยโบราณ ประวัติศาสตร์โบราณที่มีบันทึกเริ่มต้นจากการประดิษฐ์การเขียน ทว่า รากเหง้าแห่งอารยธรรมมีมาแต่ก่อนการประดิษฐ์การเขียน สมัยก่อนประวัติศาสตร์เริ่มต้นในยุคหินเก่า ต่อด้วยยุคหินใหม่และการปฏิวัติเกษตรกรรม (ระหว่าง 8000 ถึง 5000 ปีก่อนคริสตกาล) ในวงพระจันทร์เสี้ยวไพบูลย์ (Fertile Crescent) การปฏิวัติเกษตรกรรมเป็นเครื่องหมายการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์มนุษย์ โดยมนุษย์เริ่มต้นทำการเกษตร คือ กสิกรรมและการเลี้ยงสัตว์อย่างเป็นระบบ เมื่อเกษตรกรรมก้าวหน้าขึ้น มนุษย์ส่วนมากเปลี่ยนจากวิถีชีวิตเร่ร่อนมาเป็นตั้งถิ่นฐานเป็นเกษตรกรในนิคมถาวร การเร่ร่อนยังมีอยู่ในบางที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลซึ่งมีพืชที่เพาะปลูกได้ไม่กี่ชนิดแต่ความมั่นคงสัมพัทธ์และผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นจากกสิกรรมทำให้ชุมชนมนุษย์ขยายเป็นหน่วยที่ใหญ่กว่า ซึ่งความก้าวหน้าในการขนส่งก็มีส่วนช่วยง
การปฏิวัติเกษตรกรรมเริ่มขึ้นครั้งแรกในราวๆ 10,000 ปีก่อนคริสตกาล การทำเกษตรกรรมเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดระบบการจัดการ และสร้างอาหารส่วนเกิน (surplus) จากการบริโภคทำให้เกิดการค้าขายได้ การเกษตรสร้างระบบเมืองในยุคแรก ทำให้เกิดการค้าขาย การผลิต และอำนาจทางการเมือง สำหรับผู้ไม่ได้ผลิตในภาคการเกษตร
อักษรคูนิฟอร์มซึ่งเป็นระบบการเขียนแรกสุดการพัฒนาระบบเมืองยังทำให้เกิดการพัฒนาทางด้านภาษา และความรุ่งเรืองของอารยธรรมตามมา ดังจะเห็นได้จากในช่วง 40,000 ปีก่อนคริสตกาลก่อนจะมีเมืองเกิดขึ้น มีหลักฐานการสร้างที่อยู่อาศัยที่มนุษย์สร้างขึ้นในตอนเหนือของแคว้นปัญจาบ และเอเชียกลาง (Bactria) ในช่วง 7,000 ปีก่อนคริสตกาล มีหลักฐานว่ามนุษย์เริ่มปลูกข้าวบาร์เลย์ และเลี้ยงแกะกับแพะ ในบริเวณดังกล่าว ในช่วงนั้น คนเริ่มอาศัยอยู่ในหมู่บ้านซึ่งสร้างโดยอิฐและดินเหนียว ซึ่งบางส่วนยังคงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน แหล่งอารยธรรมแรกเป็นแหล่งอารยธรรมเมโสโปเตเมียตอนล่างของชาวสุเมเรียน ในช่วง 3500 ปีก่อนคริสตกาล ตามมาด้วยอารยธรรมอียิปต์ บริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์ ในช่วง 3300 ปีก่อนคริสตกาลและอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ในช่วงเดียวกันระบบเมืองเริ่มซับซ้อนมากขึ้นจากระบบทางสังคมและเศรษฐกิจ แต่ละอารยธรรมมีความแตกต่างจากอารยธรรมอื่นเนื่องจากอารยธรรมต่างๆ ยังไม่สัมพันธ์กัน เริ่มมีระบบการเขียน และการค้าขาย
ยุค 5000 ปีก่อน เป็นเริ่มที่มนุษย์รู้จักการเพราะปลูก โดยเริ่มจากข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ และมนุษย์ยุคนี้จะเริ่มอยู่รวมกันเป็นหมู่บ้านหรือนิคม บางแห่งถ้าใหญ่หน่อยจะเริ่มจัดตั้งเป็นเมือง มีหัวหน้าเผ่าหรือเจ้าครองแคว้นเป็นผู้นำจะเห็นได้ว่า ระยะเวลาที่มนุษย์วิวัฒนาการนั้นกินระยะเวลายาวนานไม่ใช่เล่น จากลิงขนดกร่างใหญ่ พัฒนาร่ากาย ความคิด มันสมองมาเรื่อยๆ จนเริ่มอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม และรู้จักการใช้สอยสิ่งและพัฒนาต่างๆ รอบตัวได้ในที่สุด ระยะเวลาของกระบวนการวิวัฒนาการทั้งหมดนี้กินเวลาถึง 70 ล้านปีซึ่งการศึกษาประวัติศาสตร์ต่างๆ ในเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สนุกและได้ความรู้มากครับ ทำให้เห็นถึงความน่าทึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์จากยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบันเลยทีเดียว
กว่าจะมาเป็นมนุษย์ได้ มิใช่ง่ายๆ Homonids ต้องผ่านวิวัฒนาการ อพยพย้ายถิ่นฐานมาหลายครั้ง ใช้ระยะเวลาวิวัฒนาการที่ค่อนข้างยาวนาน 1-2 ล้านปี นักชีววิทยาจัดให้ Homonids ในช่วงแรกอยู่ใน species ที่เรียกว่า homo erectus ด้วยเกิดการเปลี่ยนแปลงหลักๆ คือ การเปลี่ยนรูปร่างลักษณะจากความเป็นลิงมาเดินสองขา หลังค่อยๆ ตั้งตรงขึ้นๆ แขนสั้นขึ้นขายาวขึ้น ส่วนวิวัฒนาการในช่วงหลังที่เปลี่ยนมาเป็น homo sapiens นั้นจะเป็นไปในทางที่พัฒนาสมองและความสามารถต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนของสมองใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว มีไหวพริบรู้จักแก้ไขปัญหา (intelligence) มีการเปลี่ยนแปลงใกล้ความเป็นคนขึ้น ในช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ที่เรายังไม่สามารถศึกษาได้ชัดเจนนัก เท่าที่ผ่านมานักมานุษยวิทยาได้ศึกษาจากลักษณะโครงกระดูก กะโหลกที่ขุดพบเป็นหลักและใช้รังสีประเมินอายุ แต่ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าขึ้น เราสามารถศึกษาได้จากรหัส DNA เทียบกับมนุษย์ปัจจุบัน ทำให้ความเร้นลับต่างๆ เผยออกมาได้อีกมาก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น